ค่าเงินบาทวันนี้ แข็งขึ้นเล็กน้อย 35.50 เหตุดอลลาร์ไซด์เวย์ จับตาแถลง ปธ.เฟด
ครม.จัดหนัก 2 มาตรการช่วยชาวนา พยุงราคาข้าวเปลือก ลุยแทรกแซงตลาด
ราคาทองวันนี้ ปิดตลาดลง 250 บาท ตามต่างประเทศร่วงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2566 ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า เงินดอลลาร์ยังคงเทรดในลักษณะไซด์เวย์ (side way) และแข็งค่าเล็กน้อยเทียบสกุลเงินหลัก ขานรับถ้อยแถลงของนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด (Fed)สาขามินนีแอโพลิส ซึ่งกล่าวสนับสนุนให้ เฟด เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมทั้งนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐซึ่งจะแถลงในการประชุมวาระครบรอบ 100 ปี ของการก่อตั้งแผนกสถิติและวิจัยของเฟดในวันที่ 8 พ.ย.เวลา 09.15 น.ตามเวลาสหรัฐฯ รวมถึงถ้อยแถลงของนายพาวเวลในงานเสวนา 24th Jacques Polak Annual Research ในวันที่ 9 พ.ย.
ขณะที่เมื่อวานนี้ (7 พ.ย.66) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ไทย 2,911 ล้านบาท และ ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,437 ล้านบาท
โดยมองกรอบค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในช่วง 35.40 – 35.75 บาท/ดอลลาร์ แนะนำผู้นำเข้า ควรซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อปิดความเสี่ยง และผู้ส่งออกแนะนำขายเงินตราต่างประเทศที่เหนือระดับ 35.75 บาท/ดอลลาร์
กรอบค่าเงินวันนี้
- USD/THB 35.40- 35.75
- EUR/THB 37.80 – 38.25
- JPY/THB 0.2350- 0.2390
- GBP/THB 43.40 – 43.90
- AUD/THB 22.70- 23.10
ด้านกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.20-35.90 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 35.71 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 35.71-36.33 เงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยในช่วงแรกเงินเยนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ผ่อนคลายมาตรการ Yield Curve Control เพิ่มเติมด้วยการคงอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์)อายุ 10 ปีที่ราว 0% และกำหนดคำนิยามใหม่สำหรับบอนด์ยิลด์ที่ 1.0% ว่าเป็นจุดอ้างอิงแทนที่จะเป็นเพดานตายตัว
นอกจากนี้ บีโอเจส่งสัญญาณว่าไม่รีบยุตินโยบายดอกเบี้ยติดลบ สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่คาดว่าอาจมีการปรับนโยบายที่แข็งกร้าวมากกว่านี้เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทโลกและเงินเฟ้อในญี่ปุ่น
ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นการตรึงดอกเบี้ยสองรอบประชุมติดต่อกัน ขณะที่ประธานเฟดระบุว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง แต่ตั้งข้อสังเกตว่าบอนด์ยิลด์ระยะยาวที่พุ่งขึ้นทำให้ภาวะทางการเงินตึงตัวและอาจฉุดรั้งเศรษฐกิจในระยะถัดไป ท่าทีดังกล่าวทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าวงจรการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจสิ้นสุดแล้ว
ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีที่ 5.25% ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 3,171 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 21 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะติดตามความเห็นของประธานเฟดในวันที่ 9 พ.ย. หลังการจ้างงานนอกภาคเกษตรและดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯชะลอความร้อนแรงลง อีกทั้งค่าจ้างเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 64 ส่งผลให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์
โดยในภาวะเช่นนี้ เรามองว่าค่าเงินดอลลาร์ได้สร้างฐานใหม่ที่ต่ำลง อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อไปในวงกว้างจากระดับปัจจุบัน คือ ตลาดต้องการเห็นสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นว่าเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐฯแผ่วลงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ
พยากรณ์อากาศ “ฝนฟ้าคะนอง-ฝนตกหนัก” กทม.โดน 60% ของพื้นที่
ยิงปะทะ “เสี่ยแป้ง นาโหนด” บนเทือกเขาบรรทัด คำพูดจาก สล็อต777
เผยโฉม 86 สาวงาม ชิง Miss Universe 2023 เงื่อนไขใหม่สาวข้ามเพศ-แต่งงาน-มีลูก เข้าประกวดลุ้นมง